จอร์แดน (Jordan) สถานีต่อไปของนักท่องเที่ยวทุกคน
- เที่ยวแปลกใหม่
- Jul 18, 2018
- 3 min read
Updated: Oct 11, 2021
มันดีงามมากกกกก

เวลาได้ยินว่าการไปเที่ยวประเทศตะวันออกกลาง บางคนอาจจะนึกถึงการก่อการร้ายหรือสงครามก่อนเลย แล้วประเทศนี้ติดกับซีเรียและอิรักด้วย !
ถ้าพูดถึงตะวันออกกลาง (ภูมิภาคนะ) เนี่ยมันใหญ่มากมีกว่า 10 ประเทศ และส่วนใหญ่ก็อยู่กันอย่างสงบ ไม่ได้รบกันหรือมีการก่อการร้ายทุกประเทศ ใครยังคิดว่าอันตราย ต้องรีบเปลี่ยนความคิดใหม่ด่วนเลยนะครับ ไม่งั้นมันจะเป็นการปิดโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวประเทศเด็ด ๆ หลายประเทศเลย เพราะจอร์แดนนี่ถือว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมาก ๆ แม้ว่าเพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะมีปัญหากัน
จอร์แดนไม่ได้เป็นประเทศรวยน้ำมันเหมือนเพื่อนบ้าน แต่จอร์แดนมีธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และศาสนา ที่ยาวนานและไม่เหมือนใคร ทำให้จอร์แดนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลย ทำการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศเลย
เริ่มกันเลย
ชื่อเต็มจอร์แดนคือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน หรือ The Hashemite Kingdom of Jordan
มีชายแดนทางตอนเหนือของคาบสมุทรอาระเบีย ทิศเหนือติดกับซีเรีย ทิศตะวันออกติดกับอิรักและซาอุดีอาระเบีย ทิศตะวันตกติดกับอิสราเอล ปาเลสไตน์ (เขตเวสต์แบงก์) และทะเลเดดซี และทิศใต้ติดกับทะเลแดง พื้นที่ 89,342 ตร. กม. (เล็กกว่าประเทศไทย 5.7 เท่า) แม้จะเป็นประเทศที่ไม่ใหม่มากแต่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จัดว่าเด็ดมาก ๆ เลย มีหนังดัง ๆ หลายเรื่องเลยที่ถ่ายทำที่นี่ อาทิ Indian Jones และ Martian
วีซ่า
จอร์แดน อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทย ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว สามารถขอวีซ่าแบบ Visa On Arrival (VOA) ที่สนามบินได้เลย อัตราค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ตามนี้
วีซ่าเข้า-ออกครั้งเดียว (อายุ 1 เดือน): 40 JOD (Jordan Dinar) (ประมาณ 56 USD)
วีซ่าเข้า-ออก สองครั้ง (อายุ 3 เดือน): 60 JOD (Jordan Dinar) (ประมาณ 85 USD)
วีซ่าเข้า-ออก หลายครั้ง (อายุ 6 เดือน): 120 JOD (Jordan Dinar) (ประมาณ 170 USD)
การเดินทาง
- สามารถบินตรงด้วยสายการบิน Royal Jordanian มีบินตรงจากกรุงเทพ-กรุงอัมมาน ทุกวัน
- เดินทางแบบต่อ flight ก็มีหลายสายการบินทั้ง Qatar Airways, Kuwait Airways, Etihad, Emirates หรือ Thai Airways เป็นต้น
ค่าใช้จ่าย
ก็ถือว่าสูงหน่อย เมื่อเทียบกับประเทศท่องเที่ยวอย่างตุรกี น่าจะสูงกว่า 50-60% ได้ อาหารมื้อ 1 ร้านอาหารกลาง ๆ ก็ประมาณ 20 USD ได้ ย่านท่องเที่ยวนะ แต่ถ้าสำหรับคนท้องถิ่นจะอีกราคา
อาหารจอร์แดน
ส่วนใหญ่อาหารที่นี่ จะเน้นพวกปิ้งย่าง เนื้อไก่ วัว และแกะ โดยทานกับพวกแป้งต่าง มีเครื่องเคียงเป็น ผักดองโยเกิร์ต ใครทานยากแนะนำให้พกน้ำจิ้มไปด้วย
ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง - ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอาระเบีย ทิศเหนือติดกับซีเรีย ทิศตะวันออกติดกับอิรักและซาอุดีอาระเบีย ทิศตะวันตกติดกับอิสราเอล ปาเลสไตน์ (เขตเวสต์แบงก์) และทะเลเดดซี และทิศใต้ติดกับทะเลแดง
พื้นที่ - 89,342 ตร. กม. (เล็กกว่าประเทศไทย 5.7 เท่า)
เมืองหลวง - กรุงอัมมาน (Amman)
ประชากร - 9.8 ล้านคน (ต้นปี 2561)
ภาษา - อาหรับ
ศาสนา - อิสลามนิกายซุนนีร้อยละ 97.2 คริสต์ร้อยละ 2.2 อิสลามนิกายชีอะห์และอื่นๆ ร้อยละ 2
หน่วยเงินตรา จอร์แดนดีนาร์ (JOD) (1 จอร์แดนดีนาร์เท่ากับ 43.6456 บาทต่อ) (เม.ย. 2560)
ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ไทยและจอร์แดนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2509 (ค.ศ. 1966) ไทยมีสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน โดยเปิดทำการเมื่อปี 2550 ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมอิรักและปาเลสไตน์ จอร์แดนมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตจอร์แดนประจำมาเลเซียมีเขตอาณาครอบคลุมไทย
ในปี 2560 มีชาวจอร์แดนเดินทางมายังประเทศไทย 15,864 คน และมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปจอร์แดนประมาณ 6,000 คน นอกจากนี้ สายการบิน Royal Jordanian ทำการบินตรงจาก กรุงอัมมาน-กรุงเทพฯ ทุกวัน
ไปเที่ยวกันเลย !!
1. Petra (เพตรา)
หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

นี่ล่ะ!! สัญลกษณ์ของจอร์แดน เหตุผลของการไปเที่ยวจอร์แดนของใครหลายคน ก็เพื่อไปดูนครหินแกะสลักกลางทะเลทรายอายุกว่า 2,000 ปี ที่สุดแสนจะมหัศจรรย์

นครเพตราถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์และซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาสูงชันจากโลกปัจจุบันเป็นพันปี ก่อนจะถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1812 และได้รับลงทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1985 จากนั้น ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ของโลก ในปี ค.ศ. 2007

ในดินแดนนี้มีมนุษย์เริ่มย้ายมาอยู่อาศัยนานกว่า 4,000 ปีแล้ว โดยเพตราสร้างโดยชนเผ่านาเบเทียน (Nabataean) อยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของโลกในขณะนั้น

เริ่มจากการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากผู้สัญจร จนกลายมาเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค และเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปี ก่อนคริสตกาล จนถึง ค.ศ. 70

อย่างไรก็ดี ดีขึ้นก็ต้องมีลง เพตราเริ่มอ่อนแอลง เริ่มถูกรุกรานและยึดครองโดยจักรวรรดิโรมันและอิสลาม ก่อนจะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ ซ้ำยังโดนภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว จนกลายเป็นเมืองล้างและเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์

มีหนังดัง ๆ หลายเรื่องที่ถ่ายทำที่เพตรา อาทิ
Indiana Jones and the Last Crusade
ฉากกับ Al-Khazneh นี่หละที่ดังสุด ๆ และเป็นตัวจุดกระแสไปเที่ยวเพตรา
The Mummy Returns
Transformers: Revenge of the Fallen
Mortal Kombat: Annihilation
2. Wadi Rum (ทะเลทรายวาดิรัม)
หุบเขาแห่งพระจันทร์

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลก จากภูมิทัศน์ที่แปลกตา เป็นทะเลทรายสลับกับหุบผาขนาดใหญ่ราวกับเหมือนเดินอยู่ดาวอังคาร

ก่อนจะมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดันโด่งดัง ทะเลทรายวาดิรัมเคยเป็นสถานที่ที่อยู่อาศัยของหลายอารยธรรม ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 10,000 ปี ทะเลทรายนี้จึงเต็มไปด้วยร่องรอยอารยธรรม เช่น ภาพบนหิน (Petroglyphs) หรืออารามต่าง ๆ

ทะเลทรายแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกับจริง ๆ ก็ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อผู้พัน Thomas Edward Lawrence แห่งกองทัพสหราชอาณาจักร ใช้ทะเลนี้เป็นฐานทัพ Arab Revolt จากจักรวรรดิออตโตมัน และต่อมาสร้างเป็นหนัง Lawrence of Arabia หาดูได้ มีหลายฉากเลยที่ถ่ายทำที่นี่

การเดินทางภายในทะเลทรายนี้ ก็รถปิคอัพแบบนี้หละ ปีนขึ้นนั่งด้านหลังชมทะเลทราย วิ่งกันฝุ่นตลบเลย บางคันมีหลังคาผ้า แต่เอาจริง ๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไร้ประโยชน์สุด ๆ ก่อนขึ้นก็เตรียมหมวก แว่นกันแดด และเกาะดี ๆ 5555 อ่อ....อย่าลืมกล้องด้วยนะ มีมุมสวย ๆ ถ่ายเยอะเลย

แนะนำมาก ๆ ให้นอนค้างที่นี่ เพราะมันสวยมาก ๆ จริง ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนอนเต็นท์แบบเบดูอิน (Bedouin) แต่เรามัน #เที่ยวแปลกใหม่ จึงขอเลือกนอน Bubble tent ให้อารมณ์เหมือนอยู่ใรหนังสื่อ Martian เลย มีแอร์ห้องอาบน้ำครบ นอนดูดาวทั้งคืนอย่างฟินนนนนนน
หนังดัง ๆ หลายเรื่องที่ถ่ายทำที่วาดิรัมก็เช่น
Lawrence of Arabia
Prometheus
The Martian (ไม่ได้มาถ่ายแต่ใช้เป็นฉากผ่าน CGI)
Rogue One: A Star Wars Story
อาหารเย็นแบบเบดูอิน
3. Wadi Mujib (วาดิมูจิบ)
แม่น้ำอารโนนจากพระคัมภีร์ฮีบรู

วาดิมูจิบระบุในพระคัมภีร์ฮีบรู (ไบเบิลชาวยิว) ภายในชื่อแม่น้ำอารโนน ซึ่งไหลลง ทะเลเดดซี (Dead Sea) ซึ่งสถานที่นี้ก็เป็นแห่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง อาจจะไม่ดังเหมือนที่อื่น ๆ นะ แต่ก็เป็นน้ำตกในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้
4. ทะเลเดดซี หรือ ทะเลมรณ (Dead Sea)
ทะเลสาบน้ำเค็มบนดินแดนที่ต่ำที่สุดในโลก

ทะเลเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก (เค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลย) อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดน ปาเลสไตน์ และอิสราเอล มีความเค็มกว่าทะเลทั่วไปถึง 8 เท่า จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ได้เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียบางชนิด (มั้ง) อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 400 เมตร

ทะเลสาบเดดซีได้รับน้ำจากต้นน้ำเพียงแหล่งเดียวคือแม่น้ำจอร์แดน และการที่ไม่มีพื้นที่เชื่อต่อกับแม่น้ำสายอื่นให้ไหลออกได้ทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ ไหลมารวมกันที่นี่ ทำให้ทะเลสาบเดดซีอุดมไปด้วย (นอกจากความเค็ม) แร่ธาตุที่สมบูรณ์ และสามารถช่วยเรื่องสุขภาพมากมายโดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ มาตั้งแต่สมัยโบราณ
อย่างไรก็ดี ทะเลสาบเดดซีกำลังแห้งลงเรื่อย ๆ ทุกปี เนื่องจากปริมาณน้ำที่ได้รับจากแม่น้ำจอร์แดนเริ่มเหือดแห้งทุกเรื่อย ๆ บวกกับทั้งจอร์แดนและอิสราเอลแข่งกันขุดโคลนแร่ธาตุไปดเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

และด้วยความหนาแน่นของน้ำในทะเลสาบเดดซีนี้ล่ะ ที่ทำให้เราสามารถลอยตัวอยู่ในทะเลสาบดังกล่าวได้โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย ลอยเฉย ๆ เลยนะ อย่าว่ายนะ น้ำเข้าตานี่แสบสุด ๆ ๆ เลย

แนะนำให้พักโรมแรมติดทะเลสาบเดดซี เพราะจะมีหาดส่วนตัว และมีบริการขุดโคลนมาให้เลย

5. แม่น้ำจอร์แดน (Jordan River)
แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวและคริสต์

แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ ตามความเชื่อของชาวคริสต์ เป็นสถานที่ที่พระเยซู (Jesus) ได้รับเข้าพิธีล้างจากนักบุญยอห์น แบปติสต์ (John the Baptist) และยังเป็นแม่น้ำที่ชาวยิวเคยข้ามไปยัง Promised Land

แม่น้ำความยาว 251 กิโลเมตร ไหลลงสู่ทะเลเดดซี ปัจจุบันถือเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างอิสราเอลกับจอร์แดน จึงไม่แปลกเมื่อมาที่นี่จะพบชาวยิวและคริสต์ จากทั้งฝั่งจอร์แดนและอิสราเอลลงไปทำพิธีล้างกัน

6. ภูเขาเนโบ (Mount Nebo)
เดินตามรอยของโมเสส

ภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ (ตามพระคัมภีร์ไบเบิลนะ) โมเสส (Moses) ผู้นำชาวยิวหนีชาวอียิปต์โบราณ ยืนมอง Promised Land และเสียชีวิตก่อนจะฝั่งศพไว้แถวนี้
7. กรุงอัมมาน
เมืองหลวงแห่งจอร์แดน

เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน มีประชากรประมาณ 4 ล้านกว่าคน และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจหลักของประเทศ มีประวัติศาสตร์เเก่าแก่ยาวนานหลานพันปี มีความเจริญพอควรเลย แต่อย่าไปเทียบกับพวกประเทศเศรษฐีน้ำมันนะ
Amman Citadel
จากการขุด พบว่าสถานที่นี้มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยยุคทองแดง เมื่อกว่า 1,500 ปีก่อนคริสตกาล
มีอายธรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ อัสซีเรีย (Assyria) บาบิโลน (Babylon) เปอร์เซีย (Persians) และกรีก (Greek) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

และปัจจุบัน เป็นอีกจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองหลวงแห่งนี้
8. เจราซ (Jarash)
เมืองโรมันโบราณพันเสา

เมืองโบราณนี้บ้างก็บอกว่าคือเมืองพันเสา หรือ ปอมเปอีแห่งตะวันออก เป็นเมืองโบราณที่มีความสมบูรณ์มาก ๆ และเมื่อวันที่เมืองนี้เจริญถึงขีดสูงสุดนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอาณาจักรโรมันเลยทีเดียว

พบว่ามีการอยู่อาศัยมายาวนานมาก ประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสตกาลได้ ก่อนที่ชาวโรมันจะเริ่มสร้างอาคารต่าง ๆ เมื่อประมาณ 100 - 200 ปีก่อนคริสตกาล

ที่เรียกว่าพันเสา ก็สมควรล่ะครับ เสาเยอะมาก ๆ น่าเสียดายที่เมืองนี้เคยโดนแผ่นดินไหวหลายครั้งจนเหลืออยู่แค่นี้ แต่การมาเดินที่นี่ก็สามารถสัมผัสได้เลยว่าเมืองนี้มันต้องเคยเจริญมาก ๆ ควรค่าแห่งการเข้าชมและศึกษายิ่ง

สรุปแล้ว สนุกมาก ๆ ครับ คุ้มค่าสุด ๆ !! เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ !
📷🚖📷🚘📷🚁📷🚗📷🚐📷🛴📷🚅📷🚢📷🛩️📷🚤📷⛵📷🛥️
ถ้าชอบช่วย Like, Comment และ Share เพื่อกำลังใจทำต่อด้วยครับบบบ ขอบคุณครับบบ
#เที่ยวแปลกใหม่ #จอร์แดน #เที่ยวจอร์แดน #ไปเที่ยวกัน #Jordan #เพตรา #เปตรา #Petra #วาดิรัม #wadirum #ทะเลทราย #ทะเลทรายแดง #wadimujib #วาดิมูจิบ #ทะเลเดดซี #ทะเลสาบเดดซี #ทะเลมรณะ #deadsea #แม่น้ำจอร์แดน #jordanriver #ภูเขาเนโบ #mountnebo #อัมมาน #กรุงอัมมาน #Amman #เจราซ #Jarash #ตะวันออกกลาง #middleeast
Comments